สรุปสาระ พระราชบัญญัติลูกเสือฉบับใหม่ (พ.ศ.2551
)
ร่างพระราชบัญญัติลูกเสือพ.ศ.ได้
ผ่านการพิจารณาวาระ2และ3
จากที่ประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20
ธันวาคม 2550 เวลา 20.00น
โดยมีการขอแก้ไขเล็กน้อยในมาตรามาตรา17(12)และมาตรา38(8)โดยแก้ข้อความทั้ง
2มาตราจากเดิม “
กำกับดูแลกิจการลูกเสือชาวบ้าน “ มา
เป็น “ กำกับดูแลสนับสนุนและส่งเสริมกิจการลูกเสือชาวบ้าน”
พระราชบัญญัติลูกเสือฉบับใหม่นี้จะได้นำเสนอให้ทรงลงพระปรมาภิไธย
ประกาศใช้ต่อไป คาดว่าคง มีผลบังคับใช้ได้ต้นปี2551
เหตุผลที่ต้องออกกฎหมาย
1. กฎหมายลูกเสือได้เริ่มพัฒนาจากการออกเป็นข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือ
ไทยฉบับแรกเมื่อ1 ก.ค. 2454
หรือ 96ปีมา แล้ว ต่อมาได้ออกเป็นพระราชบัญญัติ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 และได้ปรับปรุงอีก 3ครั้ง
หลังจากการปฎิรูประบบราชการในปี2546 ทำให้กฎหมายลูกเสือไม่สอดคล้อง
กับสถานการณ์ที่ได้เปลี่ยนไปหลายประการ
2. กฎหมายฉบับใหม่
ต้องการปรับการบริหารงานของลูกเสือ
ให้สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการที่ใช้มาเมื่อ7กรกฎาคม2546
ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติเดิมเป็นอธิบดีกรม พลศึกษา
ต้องเปลี่ยนมาเป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากได้โอนงานกองลูกเสือเดิม และงานสำนักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติที่เคยอยู่ที่กรมพลศึกษา
มาอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
3. ต้องปรับการบริหารของคณะกรรมการลูกเสืออำเภอ
ให้เป็นคณะกรรมการ เขตพื้นที่การศึกษาแทน
เพื่อให้เป็นไปตามระบบกระจายอำนาจใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการ
4 เพิ่ม
สาระที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของสำนักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติให้สอดคล้องกับสภาพจริง
ประโยชน์ของการออก พ.ร.บ. นี้
ช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งของ
กระบวนการลูกเสือที่ต้องการสร้างพลเมืองดี ให้เป็นไปตามพระราชปณิธานของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 6 และ
ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงเป็นพระประมุขของคณะลูกเสือไทย
รวมทั้งได้ทรงรับกิจการลูกเสือชาวบ้านไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย
สาระของพ.ร.บ.ลูกเสือฉบับใหม่
ประกอบด้วย 6
หมวด 74 มาตรา ได้แก่หลักการและนิยาม มาตรา 1 -
5 หมวด 1บททั่วไป มาตรา 6 – 10
หมวด 2 การปกครอง ส่วนที่ 1
สภาลูกเสือไทย มาตรา 11 – 14 ส่วนที่ 2
คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติและสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ มาตรา 15 – 27
ส่วนที่ 3 ลูกเสือจังหวัดมาตรา 28 – 34
ส่วนที่ 4 ลูกเสือเขตพื้นที่มาตรา35 – 39
ส่วนที่5 ทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ มาตรา 40
– 42 หมวด 3 การจัดกลุ่ม ประเภท และตำแหน่งของลูกเสือมาตรา
43 – 49 หมวด 4 ธง เครื่องแบบ และการแต่งกายมาตรา 50
– 52หมวด 5 เหรียญลูกเสือและการยกย่องเชิดชูเกียรติมาตรา 53
– 68 หมวด 6 บทกำหนดโทษมาตรา 69 – 70
และบทเฉพาะกาล มาตรา 71 – 74 สรุปสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่
1) เพิ่มคำนิยามลูกเสือ
และบุคลากรทางการลูกเสือให้ชัดเจนขึ้น และได้รวมกิจการลูกเสือชาวบ้านไว้ด้วย
2) ปรับชื่อสภาลูกเสือแห่งชาติ เป็นสภาลูกเสือไทย
เพื่อให้เป็นชื่อสากลที่ประเทศสมาชิกทั่วโลกจะระบุชื่อ ของประเทศไว้ด้วย และได้ปรับ
องค์ประกอบของสภาลูกเสือไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อหน่วยราชการไปตาม
การปฏิรูประบบราชการเมื่อปี2546 เช่น
ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ
จากอธิบดีกรมพลศึกษามาเป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปรับชื่อตำแหน่งของ
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เ
ลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ได้เปลี่ยนชื่อและภารกิจใหม่แล้ว
และปรับให้มีหน่วยงานใหม่เพิ่มเข้ามาได้แก่ได้แก่ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม
ความมั่นคง และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น
3. ปรับองค์ประกอบคณะกรรมการลูกเสือระดับจังหวัด
เป็น ซึ่งต้องใช้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต1
เข้าไปแทนศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งปัจจุบันไม่มีตำแหน่งนี้
4. ต้องปรับการบริหารลูกเสืออำเภอที่มีอยู่เดิมโดยใช้เขตพื้นที่การศึกษาแทน
ทำ ให้ต้อง ปรับองค์ประกอบคณะกรรมการและภารกิจของการบริหารลูกเสืออำเภอ
มาเป็นการบริหารลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา
5. เดิมคณะลูกเสือแห่งชาติเป็นนิติบุคคล
ทำให้สถานะของสำนักงานไม่ชัดเจน
เนื่องจากในกฎหมายเดิมระบุว่าคณะลูกเสือแห่งชาติประกอบด้วยลูกเสือทั้งปวง
ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ผู้ตรวจการลูกเสือ และกรรมการเจ้าหน้าที่ลูกเสือ
และระบุให้มีให้มีสำนักคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติเป็นหน่วยบริหาร
จึงได้ปรับให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติซึ่งมีหน่วยงานนี้อยู่แล้ว เป็นนิติบุคคล
ซึ่งยังคงอยู่ในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ โดยไม่ตั้งหน่วยงานใหม่
ไม่เพิ่มงบประมาณ
6. เพิ่มระบบการตรวจสอบและการจัดทำบัญชี
เพื่อเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
7. กำหนดให้รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนหนึ่งมาเป็นตำแหน่งเลขาธิการลูกเสือ
โดยไม่มีเงินเดือน
8. การบริหารค่ายเป็นไปตามหลักการบริหารแนวใหม่
มอบให้ผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด(ผู้ว่าราชการจังหวัด) กำกับดูแล และ
9. ให้โอนทรัพย์สิน จากคณะลูกเสือแห่งชาติ
ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น