วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พระราชบัญญัติลูกเสือฉบับใหม่ (พ.ศ.2551 )


สรุปสาระ พระราชบัญญัติลูกเสือฉบับใหม่ (พ.ศ.2551 )

ร่างพระราชบัญญัติลูกเสือพ.ศ.ได้ ผ่านการพิจารณาวาระ2และ3 จากที่ประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2550 เวลา 20.00น โดยมีการขอแก้ไขเล็กน้อยในมาตรามาตรา17(12)และมาตรา38(8)โดยแก้ข้อความทั้ง 2มาตราจากเดิม

กำกับดูแลกิจการลูกเสือชาวบ้าน มา เป็น กำกับดูแลสนับสนุนและส่งเสริมกิจการลูกเสือชาวบ้าน

พระราชบัญญัติลูกเสือฉบับใหม่นี้จะได้นำเสนอให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้ต่อไป คาดว่าคง มีผลบังคับใช้ได้ต้นปี2551

เหตุผลที่ต้องออกกฎหมาย

1. กฎหมายลูกเสือได้เริ่มพัฒนาจากการออกเป็นข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือ ไทยฉบับแรกเมื่อ1 ก.ค. 2454 หรือ 96ปีมา แล้ว ต่อมาได้ออกเป็นพระราชบัญญัติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 และได้ปรับปรุงอีก 3ครั้ง หลังจากการปฎิรูประบบราชการในปี2546 ทำให้กฎหมายลูกเสือไม่สอดคล้อง กับสถานการณ์ที่ได้เปลี่ยนไปหลายประการ

2. กฎหมายฉบับใหม่ ต้องการปรับการบริหารงานของลูกเสือ ให้สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการที่ใช้มาเมื่อ7กรกฎาคม2546 ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติเดิมเป็นอธิบดีกรม พลศึกษา ต้องเปลี่ยนมาเป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากได้โอนงานกองลูกเสือเดิม และงานสำนักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติที่เคยอยู่ที่กรมพลศึกษา มาอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

3. ต้องปรับการบริหารของคณะกรรมการลูกเสืออำเภอ ให้เป็นคณะกรรมการ เขตพื้นที่การศึกษาแทน เพื่อให้เป็นไปตามระบบกระจายอำนาจใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการ

4 เพิ่ม สาระที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของสำนักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติให้สอดคล้องกับสภาพจริง

ประโยชน์ของการออก พ.ร.บ. นี้

ช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งของ กระบวนการลูกเสือที่ต้องการสร้างพลเมืองดี ให้เป็นไปตามพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 6 และ

ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระประมุขของคณะลูกเสือไทย รวมทั้งได้ทรงรับกิจการลูกเสือชาวบ้านไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย

สาระของพ.ร.บ.ลูกเสือฉบับใหม่

ประกอบด้วย 6 หมวด 74 มาตรา ได้แก่หลักการและนิยาม มาตรา 1 - 5 หมวด 1บททั่วไป มาตรา 6 – 10 หมวด 2 การปกครอง ส่วนที่ 1 สภาลูกเสือไทย มาตรา 11 – 14 ส่วนที่ 2 คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติและสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ มาตรา 15 – 27 ส่วนที่ 3 ลูกเสือจังหวัดมาตรา 28 – 34 ส่วนที่ 4 ลูกเสือเขตพื้นที่มาตรา35 – 39 ส่วนที่5 ทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ มาตรา 40 – 42 หมวด 3 การจัดกลุ่ม ประเภท และตำแหน่งของลูกเสือมาตรา 43 – 49 หมวด 4 ธง เครื่องแบบ และการแต่งกายมาตรา 50 – 52หมวด 5 เหรียญลูกเสือและการยกย่องเชิดชูเกียรติมาตรา 53 – 68 หมวด 6 บทกำหนดโทษมาตรา 69 – 70 และบทเฉพาะกาล มาตรา 71 – 74 สรุปสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่

1) เพิ่มคำนิยามลูกเสือ และบุคลากรทางการลูกเสือให้ชัดเจนขึ้น และได้รวมกิจการลูกเสือชาวบ้านไว้ด้วย

2) ปรับชื่อสภาลูกเสือแห่งชาติ เป็นสภาลูกเสือไทย เพื่อให้เป็นชื่อสากลที่ประเทศสมาชิกทั่วโลกจะระบุชื่อ ของประเทศไว้ด้วย และได้ปรับ องค์ประกอบของสภาลูกเสือไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อหน่วยราชการไปตาม การปฏิรูประบบราชการเมื่อปี2546 เช่น ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ จากอธิบดีกรมพลศึกษามาเป็นรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปรับชื่อตำแหน่งของ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เ ลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ได้เปลี่ยนชื่อและภารกิจใหม่แล้ว และปรับให้มีหน่วยงานใหม่เพิ่มเข้ามาได้แก่ได้แก่ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม ความมั่นคง และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น

3. ปรับองค์ประกอบคณะกรรมการลูกเสือระดับจังหวัด เป็น ซึ่งต้องใช้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต1 เข้าไปแทนศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งปัจจุบันไม่มีตำแหน่งนี้

4. ต้องปรับการบริหารลูกเสืออำเภอที่มีอยู่เดิมโดยใช้เขตพื้นที่การศึกษาแทน ทำ ให้ต้อง ปรับองค์ประกอบคณะกรรมการและภารกิจของการบริหารลูกเสืออำเภอ มาเป็นการบริหารลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา

5. เดิมคณะลูกเสือแห่งชาติเป็นนิติบุคคล ทำให้สถานะของสำนักงานไม่ชัดเจน เนื่องจากในกฎหมายเดิมระบุว่าคณะลูกเสือแห่งชาติประกอบด้วยลูกเสือทั้งปวง ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ผู้ตรวจการลูกเสือ และกรรมการเจ้าหน้าที่ลูกเสือ และระบุให้มีให้มีสำนักคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติเป็นหน่วยบริหาร จึงได้ปรับให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติซึ่งมีหน่วยงานนี้อยู่แล้ว เป็นนิติบุคคล ซึ่งยังคงอยู่ในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ โดยไม่ตั้งหน่วยงานใหม่ ไม่เพิ่มงบประมาณ

6. เพิ่มระบบการตรวจสอบและการจัดทำบัญชี เพื่อเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล

7. กำหนดให้รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนหนึ่งมาเป็นตำแหน่งเลขาธิการลูกเสือ โดยไม่มีเงินเดือน

8. การบริหารค่ายเป็นไปตามหลักการบริหารแนวใหม่ มอบให้ผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด(ผู้ว่าราชการจังหวัด) กำกับดูแล และ

9. ให้โอนทรัพย์สิน จากคณะลูกเสือแห่งชาติ ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น